ข้าวพื้นเมือง เรื่องของสุขภาพ...
ผมรู้สึกโชคดี ที่ได้รู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับข้าว
จากที่ไม่เคยรู้ ทั้งที่เรากินข้าวอยู่ทุกวันมาตั้งแต่เด็กๆ
ก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าข้าวเมืองไทยมีอยู่ตั้งเป็นหมื่นเป็นแสนพันธุ์ให้
เราลองนึกชื่อข้าวมาสัก ๑๐ พันธุ์ ก็ยังนึกไม่ออกเลยใช่ไหม
เพิ่งรู้ครับว่า ข้าวที่นำมาทำขนมจีนได้อร่อยที่สุดคือ
“ข้าวพันธุ์พื้นเมืองฯ” เพราะจะได้เส้นที่เหนียวนุ่ม
แต่ถ้าจะทำสาโทให้ได้รสชาติต้องใช้ “ข้าวขี้ตมใหญ่” ส่วนข้าวที่ชื่อว่า
“อีหนอนน้อย” เขาจะนำมาทำข้าวเกรียบว่าวกัน ข้าวชื่อแปลกๆ
แบบนี้ไม่ค่อยเคยได้ยินใช่ไหมล่ะ แต่บอกอย่างนี้แล้ว
ก็ไม่ต้องไปหาขนมจีนที่ทำจากข้าวพันธุ์นี้แถวตลาดใกล้บ้านหรอกนะครับ
มันคงจะหายาก ก็พันธุ์ข้าวพื้นบ้านหายไปจากหมู่บ้านตั้งเยอะแล้ว
เดี๋ยวนี้ปลูกกันแต่พันธุ์ที่ผสมขึ้นใหม่จากห้องทดลอง
จริงๆ
แล้วข้าวพันธุ์พื้นเมืองเรานั้นน่าทึ่งมากนะครับ
นอกจากมีหลายชนิดจนนับไม่ถ้วนแล้ว เขาคุยกันว่า
ข้าวบางชนิดมีฤทธิ์ในการคุมวัชพืชและแมลงในตัวของมันเอง
ซึ่งจะเป็นข้าวที่ไม่ให้ผลผลิตมาก
อย่างข้าวขี้ตมใหญ่ที่ไว้ทำสาโทรสชาติดีนี่ก็ใช่
ชาวบ้านเขาจะปลูกไว้นิดหน่อยไว้ล่อหนอนและแมลง จะได้ไม่รบกวนข้าวแปลงอื่น
ส่วนใหญ่ข้าวพันธุ์พื้นเมืองฯ จะสามารถพัฒนาตนเองตามธรรมชาติ
พึ่งตนเองได้แทบไม่ต้องใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงเลย ต่างจากพันธุ์ข้าวใหม่ๆ
จากกรมส่งเสริมการเกษตรฯ ที่มักจะมาพร้อมกับถุงปุ๋ย กระป๋องยา
และต้นทุนราคาสูง ตอนปีแรกๆ ก็ยังกินอร่อยอยู่พอสักปีสองปีก็จะกลายพันธุ์
เป็นข้าวแข็งๆ กินไม่อร่อย
ก็เพราะว่าเป็นข้าวที่มาจากห้องทดลองไงครับ
ไม่ได้เกิดและปรับตัวตามธรรมชาติของแต่ละพื้นที่
ทีนี้ถ้าใครอยากจะปลูกข้าวพันธุ์นั้นต่อ
ก็ต้องไปเสียเงินซื้อพันธุ์ข้าวใหม่
จะนำข้าวที่ปลูกได้มาเป็นเชื้อพันธุ์ก็ไม่ได้
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ชาวนาเป็นหนี้ท่วมตัวได้ยังไง
ก็ต้องซื้อทั้งพันธุ์ข้าว ทั้งปุ๋ย และยาฆ่าแมลง
แถมเดี๋ยวนี้ยังต้องทำงานหนักกว่าเดิม ปลูกข้าวตั้งปีละ ๓ ครั้ง
แต่ที่สุดแล้วหลายคนก็ต้องทิ้งบ้านหิ้วกระเป๋าเข้ามาหาเงินในเมืองอยู่ดี
นี่ยังไม่นับรวมการรุกคืบของบริษัทค้าขายทางการเกษตร
ที่เริ่มหาช่องทางธุรกิจจากการขายและผูกขาดเมล็ดพันธุ์ข้าวบางชนิดอีกนะครับ
ว่าที่ ร.ต.บัวพิตย์ พิทยาทรานุวัฒ ผู้จัดการมูลนิธิพัฒนาการศึกษาเพื่อชุมชน (ม.พศช.) กล่าวทิ้้งท้ายไว้ว่า...
‘พันธุ์ข้าวพื้นเมืองดาบวิชัย๑’ อันเป็น ‘มูลมัง’
หรือมรดกของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมา ถูกรื้อฟื้นกลับคืนมา
ภายใต้แนวคิดการพึ่งพาตนเองของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง
จ.ศรีสะเกษ โดยการสนับสนุนของมูลนิธิพัฒนาการศึกษาเพื่อชุมชน (ม.พศช.)
เกิดขึ้นเพื่อสร้างเครือข่ายองค์กรชุมชนในการพัฒนาและอนุรักษ์ฐานทรัพยากร
อาหารของชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ
จากผลการวิจัยพันธุ์ข้าวพื้นเมืองฯ มีคุณค่าอาหารสูง
ป้องกันและรักษาโรคบางชนิดได้ ผลผลิตสูง หอมนุ่มรับประทาน
แต่ละสายพันธุ์ก็ให้คุณค่าทางอาหารแตกต่างกันไป
มีเปอร์เซ็นต์ของสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินเอในสัดส่วนที่มากกว่าข้าว
ทั่วไป บางสายพันธุ์ยังให้วิตามินอีสูงกว่าข้าวทั่วไปถึง ๒๖ เท่า
มีธาตุเหล็กสูงกว่าข้าวกล้องทั่วไป ๒-๓ เท่า
การใช้พันธุ์ข้าวพื้นเมืองฯ
ที่ผ่านการพัฒนาและรักษาสืบทอดกันมายาวนานเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการพึ่งพา
ปัจจัยภายนอก ให้ผลผลิตที่ดี
ช่วยลดค่าใช้จ่ายและปัจจัยการผลิตที่ไม่จำเป็นลง
และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน…
พบกับเรื่องราวดีๆ
เกี่ยวกับข้าวพันธุ์พื้นเมืองฯ จังหวัดศรีสะเกษ ตอนต่อไป ได้ที่นี่ :
มูลนิธิพัฒนาการศึกษาเพื่อชุมชน (ม.พศช.)